กรมการกงสุลร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก นำคณะกรรมการสหวิชาชีพให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่ชุมชนไทยในเยอรมนี

กรมการกงสุลร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก นำคณะกรรมการสหวิชาชีพให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่ชุมชนไทยในเยอรมนี

วันที่นำเข้าข้อมูล 14 มิ.ย. 2562

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 26 พ.ย. 2565

| 510 view

เมื่อวันที่ 7-14 มิถุนายน 2562 กรมการกงสุล ร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก นำคณะกรรมการสหวิชาชีพจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานอัยการสูงสุด นำโดยนายสรยุทธ ชาสมบัติ รองอธิบดีกรมการกงสุล เดินทางไปให้ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนไทยในต่างแดน และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้แก่คนไทยในเยอรมนีตอนใต้ ในพื้นที่เมืองสำคัญ 5 เมือง ได้แก่ เมือง Stuttgart Waldkirch Hausach Mannheim และนครมิวนิก

วิทยากรหลักในกิจกรรมข้างต้น ได้แก่ นายสุโสฬส พึ่งบุญ หัวหน้ากลุ่มงานมาตรฐานและระเบียบ การทะเบียนทั่วไป สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง และนายอัตรา ขุนทองจันทร์ อัยการประจำกอง สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ให้ความกระจ่างต่อข้อซักถามของคนไทยซึ่งส่วนใหญ่สนใจสอบถามประเด็นเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารของบุตรชายที่ถือสองสัญชาติไทย-เยอรมัน การซื้อที่ดินและการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินของคู่สมรสชาวเยอรมัน การทำพินัยกรรมและสิทธิของ   คู่สมรสชาวเยอรมันหรือบุตรสัญชาติไทย-เยอรมันในการรับทรัพย์มรดกในประเทศไทย การสละสัญชาติไทยและการขอคืนสัญชาติไทย การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมและสิทธิในการปกครองบุตร การจดทะเบียนฐานะครอบครัวและการใช้/เปลี่ยนชื่อสกุล นอกจากนี้ นายบัญชา ยืนยงจงเจริญ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับนโยบายและบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศในการคุ้มครองดูแลคนไทยในต่างประเทศ อาทิ การช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ได้ยากในสถานการณ์ต่าง ๆ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนไทยผ่านกิจกรรมส่งเสริมความสามัคคีในรูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น

โครงการข้างต้นได้รับความร่วมมือที่ดียิ่งจากสมาคม/ชมรมคนไทยในพื้นที่ ได้แก่ สมาคมธารา สมาคมโรงเรียนไทยเมืองวัลด์เคียร์ช สมาคมบ้านแสนสุขเมืองเฮาสัก สมาคมวัดไทยมิวนิค ชมรมสื่อสัมพันธ์คนไทยในยุโรป เครือข่ายสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และกลุ่มอนุรักษ์ดนตรีไทย “รากไทย” ซึ่งมีคนไทยให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม และตั้งใจสอบถามประเด็นข้อกฎหมายต่าง ๆ กันอย่างเข้มข้น รวมผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 5 ครั้ง ประมาณ 250 คน                   

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ