สถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ได้เชิญ Prof. Dr. Stephen Schrettl ผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ Dr. Lisa Göpfert เจ้าหน้าที่อาวุโส จากคณะชีววิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งนครมิวนิก วิทยาเขตไวเอินชเตฟัน (School of Life Sciences, Technical University of Munich (TUM), Weihenstephan Campus) เดินทางไปเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 18 - 22 สิงหาคม 2568 เพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการที่เป็นรูปธรรมกับสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา และสถาบันการศึกษา สถาบันวิชาการ และหน่วยงานชั้นนำทางด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพของประเทศไทยที่เป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนความร่วมมือในเครือข่ายของสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล  เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi  สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ  คณะวิทยาศาสตร์และศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมอาหาร Space F แห่งมหาวิทยาลัยมหิดล  และคณะอุตสาหกรรมเกษตรและคณะเกษตรแห่ง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

การเดินทางเยือนประเทศไทยของผู้บริหารจาก TUM  เพื่อพบหารือกับสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา และหน่วยงานพันธมิตรในประเทศไทยนี้ เป็นการดำเนินการต่อยอดจากครั้งการเสด็จพระราชดำเนินเยือน TUM วิทยาเขตไวเอินชเตฟัน ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ซึ่งในครั้งนั้น คณบดีและผู้บริหารของ TUM วิทยาเขตไวเอินชเตฟันได้เฝ้าฯ รับเสด็จ และได้จัดให้นักวิชาการชั้นนำด้านชีววิทยาศาสตร์ของ TUM ถวายการบรรยายสรุปและนำเสด็จเพื่อทรงเยี่ยมชมความก้าวหน้าของ TUM ในด้านการวิจัยทางชีววิทยาศาสตร์ชั้นสูงในสาขาต่าง ๆ ที่สำคัญ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อมนุษยชาติ และเป็นสาขาที่ประเทศไทยมีศักภาพในการแสวงความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการพัฒนาประเทศ เช่น สาขาชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์และสุขภาพ การวิจัยขั้นสูงด้านมวลสารและชีวโมเลกุลของพืชและสิ่งมีชีวิต การวิจัยด้านนวัตกรรมการเกษตรและพันธุ์พืชที่ปลูกเพื่อเป็นอาหาร การวิจัยและตรวจสอบคุณภาพอาหารในห้องปฏิบัติการ และการพัฒนาทักษะผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในด้านอาหารและเกษตร

การเดินทางเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงด้วยดี มีผลสัมฤทธิในเบื้องต้นเป็นที่น่าพอใจและตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ TUM วิทยาเขตไวเอินชเตฟัน และสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา และหน่วยงานพันธมิตรในไทย จะสามารถเชื่อมต่อและดำเนินความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างกันเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ พัฒนาทักษะของคนไทย  และเสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยขั้นสูง ซึ่งจะยังประโยชน์ในการพัฒนาประเทศไทยต่อไป 

อนึ่ง TUM เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเยอรมนีในปัจจุบัน และเป็นสถาบันการศึกษาที่มีขีดความสามารถด้านการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในระดับแนวหน้าของโลก  มีวิสัยทัศน์ในการเป็นมหาวิทยาลัยที่บ่มเพาะผู้ประกอบการชั้นนำเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความรู้ของโลกและร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนโดยอาศัยคนที่มีความสามารถ ความเป็นเลิศ และความรับผิดชอบ